The Nun เป็นหนังสยองขวัญในจักรวาลคอนจังของหนัง The Conjuring ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงของนักสืบสวนปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติชื่อดัง Ed และ Lorraine Warren หนังเรื่องนี้นำเสนอมุมมองใหม่ของตัวร้ายสุดสยองที่เคยปรากฏตัวในภาคก่อนๆ นั่นคือ ซาตานผู้แปลงกายเป็น “พระนางนิรมล” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Valak แค่ได้ยินชื่อก็น่ากลัวแล้วสำหรับหนังสยองขวัญแนวนี้ ทั้งเสียงกริ๊งระริก และรูปร่างของพระนางนิรมลที่ดูเป็นกลางๆ แต่กลับส่งผลให้ผู้ชมขนหัวลุกซู่จนต้องกรีดร้อง เป็นภาพที่ติดตาและกลายเป็นไอคอนของความน่ากลัวไปเลย
เดอะ นัน ดัดแปลงจากเหตุการณ์สยองขวัญในช่วงท้ายของภาคต้นตระกูล The Conjuring 2 เมื่อปี 2016 ที่พระนางนิรมลแสดงตัวออกมาทำให้หลายคนได้รับความหวาดกลัว ด้วยความน่ากลัวที่เกินคาดหมาย จึงมีการสร้างให้เป็นภาพยนตร์เบ็ดเสร็จในปี 2018 หนังกำกับโดย Corin Hardy ผู้กำกับมือใหม่มาแรงจากผลงานสั้นเรื่อง Butterfly และภาพยนตร์เต็มเรื่องแรกอย่าง The Hallow ค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง Warner Bros ไว้วางใจให้โอกาสกำกับหนังระดับบล็อกบัสเตอร์เรื่องนี้ด้วยงบถึง 22 ล้านดอลลาร์ ประสบความสำเร็จเกินคาด หลังเข้าฉายเก็บรายได้รวมทั่วโลกได้ถึง 365.6 ล้านดอลลาร์ จากงบทำเพียงแค่ 22 ล้านเท่านั้น นับเป็นกำไรที่คุ้มค่าอย่างมหาศาล จนทำให้เวิร์นเนอร์ต้องวางแผนขยายจักรวาลคอนจังต่อไปอย่างแน่นอน
ในเดอะ นัน เราถูกพาไปยังโรมาเนียในปี 1952 ที่หมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่งเจอกับเรื่องสยองขวัญใจความหลังประวัติศาสตร์ของวัดที่โขดงดงาม ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยการพบศพของนักบวชหญิงที่คล้องคอตายอยู่หน้าวัด ทำให้วาติกันส่งพ่อบุรุษ Burke และนักบวชหญิงที่ยังไม่ได้สาบานตนอย่าง Sister Irene ซึ่งเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์และประสบการณ์ศักดิ์สิทธิ์ ไปตรวจสอบความผิดปกติที่นั่นค่ะ
เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจาก Maurice “Frenchie” Theriault ชาวบ้านที่พบศพนั้น และเริ่มสืบความจริงที่ซ่อนอยู่ในวัดที่เต็มไปด้วยตำนานอันมืดมน พวกเขาก้าวเข้าสู่อัตราภัยของความชั่วร้ายที่มีมานาน และต้องต่อสู้กับอำนาจมืดที่รู้จักในนามของ Valak เรื่องราวทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความกลัวส่วนตัว และเปิดเผยความลับที่จะเชื่อมโยงกับจักรวาล “The Conjuring” ที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น
เรื่องนี้แอดต้องบอกว่ามันมีทั้งจุดที่ดีและจุดที่ต้องปรับปรุงเยอะเหมือนกันค่ะ ด้านบวกก็คือบรรยากาศในหนังนี่แหละที่ค่อนข้างจะจับใจ หนังมีฉากหลังที่ชวนขนลุก พร้อมกับการออกแบบการสร้างที่นำเสนอความรู้สึกของความหลอนแบบโกธิคได้ดีมาก แต่ถ้าพูดถึงการเล่าเรื่องและตัวละคร มันดูเหมือนว่าหนังไม่ค่อยจะขุดลึกหรือพัฒนาตัวละครเท่าไร ทำให้บางทีฉากที่ควรจะน่ากลัวนั้นดูธรรมดาไปหน่อย
ตัวละครหลักอย่างพ่อบุรุษ Burke และนักบวชหญิง Sister Irene ที่ Taissa Farmiga รับบทนี่แสดงออกมาได้ดีนะคะ พวกเขามีเคมีที่ดีร่วมกันและช่วยนำเสนอแง่มุมสำคัญของเรื่องราวได้เป็นอย่างดี และ Bonnie Aarons ในฐานะนักบวชปีศาจ Valak ก็ยังคงเป็นตัวละครที่โดดเด่นและน่าจดจำ
Corin Hardy ผู้กำกับได้ใช้เทคนิดการถ่ายทำที่หลากหลายเพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศหลอนและมืดมิดที่เป็นเอกลักษณ์ของหนัง การใช้โลเคชั่นที่มีเสน่ห์ของโรมาเนีย โลเคชั่นในโรมาเนียที่ถูกเลือกใช้สำหรับการถ่ายทำหนังนี้มีประวัติที่ยาวนานและน่าสะพรึงกลัวซึ่งตอบสนองต่อธีมของหนังได้อย่างลงตัว ความเก่าแก่และจิตวิญญาณที่ดูน่าหวาดหวั่นของสถานที่ช่วยเพิ่มชั้นเชิงของการรับรู้และความรู้สึกของผู้ชม แสงและเงาที่เข้มข้น การใช้แสงสลัวในฉากหลายๆ ฉากไม่เพียงแต่สร้างความลึกลับ แต่ยังสร้างความคาดเดาไม่ได้และสนับสนุนให้จินตนาการว่ามีอะไรแฝงอยู่ในเงามืด การส่องสว่างให้เห็นใบหน้าของตัวละครในบางครั้งและซ่อนในความมืดโดยไม่เต็มที่ในครั้งอื่นกลายเป็นวิธีการเล่าเรื่องที่มีประสิทธิภาพ
การใช้สัญลักษณ์และออร์แกนิคโปรดักชั่นดีไซน์ จากการออกแบบฉากถึงการประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย ทุกองค์ประกอบได้รับการสร้างขึ้นด้วยมือเพื่อให้ความรู้สึกที่แท้จริงและเป็นธรรมชาติ วัดและอุปกรณ์ภายในนั้นเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ทางศาสนาและขนบธรรมเนียมที่เราเชื่อว่ามีพลังในการปกป้องหรือช่วยให้ลึกลับยิ่งขึ้น การเคลื่อนกล้องที่ลื่นไหล การเคลื่อนกล้องเพื่อติดตามตัวละครหรือเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมได้ถูกใช้เพื่อให้รู้สึกเหมือนผู้ชมกำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ ความรู้สึกของความเป็นส่วนตัวและการเข้าไปในโลกที่ของ เดอะ นัน ถูกปรับให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินผ่านโดยมีกล้องติดตามตัวเองอย่างใกล้ชิด
การใช้เอฟเฟกต์เสียงและดนตรีประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสียงกระซิบที่ขนลุกหรือดนตรีประกอบที่ช่วยเพิ่มความดั้งและความรู้สึกลึกล้ำของเรื่องราว การออกแบบเสียงใน เดอะ นัน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ชวนให้ผู้ชมเข้าสู่สภาวะที่ตึงเครียดและคาดเดาไม่ได้
เทคนิดการถ่ายทำเหล่านี้รวมกันสร้างประสบการณ์ที่ไม่เพียงนำผู้ชมเข้าสู่เรื่องราว แต่ยังสร้างความตื่นเต้นที่เข้าถึงจิตใจ และแม้ว่า “The Nun” อาจไม่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานสยองขวัญที่ดีที่สุด แต่เทคนิคการถ่ายทำที่ใช้ในหนังก็ให้ความรู้สึกที่แท้จริงของความหลอนและความมืดมนที่แฟน ๆ หนังสยองขวัญคาดหวังไว้
หนัง “The Nun” เป็นภาคแยกจากจักรวาล The Conjuring ที่พยายามขุดคุ้ยตัวละคร Valak ที่เราเห็นใน “The Conjuring 2” และพาเราย้อนกลับไปเจาะลึกถึงต้นกำเนิดของนักบวชปีศาจนี้ในบรรยากาศของความมืดหม่นของวัดโบราณในโรมาเนีย จุดเด่นของหนังคือ บรรยากาศที่หลอน การใช้สถานที่จริงในการถ่ายทำ และการแสดงที่โดดเด่นของนักแสดงนำ
ในด้านคะแนน เราสามารถอ้างถึงแพลตฟอร์มรีวิวหนังยอดนิยม เช่น Rotten Tomatoes หรือ IMDb โดยทั่วไป “The Nun” มักจะได้คะแนนปานกลางถึงต่ำจากนักวิจารณ์ โดยมีคะแนนเฉลี่ยบน Rotten Tomatoes อยู่ที่ประมาณ 26% จากนักวิจารณ์และมีคะแนนผู้ชมที่สูงกว่านั้น ในขณะที่บน IMDb มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ราว ๆ 5.3 จาก 10 คะแนน