รีวิวหนัง Captain America Civil War กัปตันอเมริกา ศึกฮีโร่ระห่ำโลก (2016)

การปะทะกันของ “ไอร์ออนแมน” กับ “กัปตันอเมริกา” 

เนื้อเรื่องต่อจากชุดภาพยนตร์ Avengers: Age of Ultron เน้นเหตุการณ์หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น เหล่าบรรดาฮีโร่อเวนเจอร์ที่เข้าไปปฏิบัติการวินาศสันตะโร ซึ่งเกิดเหตุการณ์ทำให้ประชากรตกเป็นเหยื่อและเสียชีวิตไปมากมาย ปัญหานี้ก่อให้เกิดความวุ่นวายขนาดใหญ่ขึ้นจนกระทั่งผู้นำชาติต่าง ๆ จึงต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาและใช้กฎหมายเพื่อควบคุมกลุ่มบุคคลที่มีพลังเหนือธรรมชาติหรือเป็นทีมอเวนเจอร์ได้

ใน Captain America: Civil War เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ สตีฟ โรเจอร์ส นำทีมอเวนเจอร์สกลุ่มใหม่เข้าสู่การปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นความพยายามที่ต่อเนื่องในการปกป้องมนุษยชาติจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Avengers ซึ่งได้สร้างความเสียหายและกระทบต่อผู้คนอื่น ๆ กลุ่มการเมืองในคณะกรรมการเพื่อควบคุมพวกเขาจึงกดดันให้มีการกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบ สถานการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการแบ่งแยกเป็น 2 ฝ่าย ซึ่งฝ่ายแรกได้รับนำโดย สตีฟ โรเจอร์ส และต้องการให้อเวนเจอร์สปกป้องมนุษยชาติโดยอิสรภาพและเลี่ยงการถูกควบคุมโดยรัฐบาล ส่วนฝ่ายที่สองนำโดย โทนี่ สตาร์ค มีแนวคิดที่ต่างกันจากนั้น อยากให้อเวนเจอร์สถูกควบคุมดูแลโดยรัฐบาล การตัดสินใจนี้มีความสำคัญในการสนับสนุนมาตรการของทั้ง 2 ฝ่ายและการเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์แอ็คชั่นแนว non-stop กับสองผู้นำทีมทั้งสองฝ่าย

บทวิจารณ์ จากหนังเรื่อง Captain America Civil War

บอกเลยว่าเนื้อหาในภาพยนตร์นี้ไม่เลวเลย มีเนื้อหาที่เข้มข้น เหมือนเป็นภาคย่อยของ Avengers เพราะมีตัวละครจากมาร์เวลมาอย่างเยอะ รวมถึงฉากแอ็คชั่นที่เต็มไปด้วยความมันส์และการเสนอมุกตลกสไตล์มาร์เวลอย่างครบถ้วน การเดินเรื่องในภาพยนตร์นี้เป็นไปอย่างรวดเร็วเหมาะสม หากมีการหยุดชมชั่วคราว แนะนำให้หยุดชมและเร่งเข้ามาอีกครั้ง เพราะหากพลาดจะทำให้งงแน่นอน เนื้อหาในภาพยนตร์นี้เป็นการประชันบทบาทระหว่างไอรอนแมนและกัปตันอเมริกา มีความลึกซึ้งในด้านรายละเอียดมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของนิสัยและความคิดทั้งคู่ ซึ่งเป็นจุดที่โดดเด่นของภาพยนตร์นี้ เมื่อดูอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่าใน Avengers ทั้งคู่ชอบทะเลาะกันเพราะมีความมั่นใจในตัวเองและประสบการณ์ของตัวเอง แต่ใน Civil War มุ่งไปที่การเดินเรื่องโดยที่ กัปตัน อเมริกา เป็นตัวพระเอกและไอรอนแมนเป็นคนร้าย คราวนี้มีการจัดระเบียบแบบใหม่ขึ้นมาจัดการ และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอ็คชั่นที่น่าสนใจในสายตาของแฟนๆไอรอนแมน และกัปตัน อเมริกาทั้งสองประสบการณ์ในเหตุการณ์ Civil War ที่ทำให้สังเกตเห็นถึงความแตกต่างของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจนด้วย

ฉากบู๊แอ็คชั่นในภาพยนตร์นี้ถูกจัดเตรียมอย่างจุใจ ให้เกิดความตื่นเต้นกับผู้ชมตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ไม่มีกั๊กไว้บู๊ตอนท้าย ๆ เหมือนในภาคก่อน ฉากที่เป็นไฮไลท์ของภาพยนตร์นี้คงอยู่ที่ฉากต่อสู้ที่สนามบิน เพราะสามารถเห็นการรวมตัวของฮีโร่ทุกคนในฉากนั้น ใครที่ชื่นชอบใครหรือรักใครก็สามารถมองเห็นว่าใครปะทะกับใครได้บ้าง มันเป็นการต่อสู้ที่สนุกสุดมันและน่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบฉากบู๊แอ็คชั่นในหนังเรื่องนี้

ฉากดราม่า ที่อยู่คู่กับ Marvel

ในภาพยนตร์ของมาร์เวลที่เต็มไปด้วยความสนุกสุดมันรวมถึงการใส่มุขตลกในแต่ละฉาก แต่ก็ด้วยทาง Marvel ก็จะขาดไม่ได้เลยคือต้องมีดราม่าที่เป็นส่วนสำคัญซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาในภาพยนตร์มาร์เวล โดยเฉพาะความขัดแย้งของไอรอนแมนและกัปตัน เหล่าฮีโร่ก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากมนุษย์ทั่วไปที่มีด้านเข้มแข็งและอ่อนแอรวมอยู่ในคนเดียวกัน ถ้าคุณไม่ชอบดราม่าฉากเหล่านี้ อาจจะรู้สึกว่ามันทำให้รู้สึกหน่วงอึดอัดไปบ้างครับ แต่ก็เป็นส่วนสำคัญที่มีการเสนอให้ชมและเป็นความเป็นจริงของชีวิตในภาพยนตร์นี้

คะแนนของเนื้อเรื่อง 8.5/10 เรื่องราวในภาพยนตร์นี้ถือเป็นที่น่าสนใจอย่างมากด้วยการนำฮีโร่อเวนเจอร์มารวมตัวกันในสงครามและการขัดแย้ง แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำให้เสียหายหรือทำลายชีวิตของกันและกัน มันเหมือนเป็นการขัดขวางการกระทำของอีกฝ่ายมากกว่า ภาพยนตร์ยังคงมีองค์ประกอบของความตลกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ในแนวดราม่าและแอ็คชั่นของมาร์เวลที่ปนอยู่ด้วย

คะแนนเอฟเฟคต์ของภาพยนตร์ 7/10 เนื่องจากภาพยนตร์นี้ไม่เน้นการใช้เอฟเฟคอันทรงพลังอย่างมากเหมือนภาพยนตร์ที่มักเน้นการใช้เทคโนโลยี CG อย่างทั่วไป แต่มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอฉาก Insert และการต่อสู้ที่มีความเหนือชั้นของเหล่าฮีโร่อเวนเจอร์ และความเป็นจริงในการต่อสู้ ภาพยนตร์เหล่านี้ยังมีการต่อสู้และการทะเลาะกันที่เหมือนกับการชมหนังแอ็คชั่นคอมเมดี้มากกว่า สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นอาจจะเป็นการใช้ฉากพื้นหลังในการต่อสู้ที่ถูกเลือกไปที่สนามบิน สรุปได้ว่าไอเดียนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดีและไม่คาดคิดถึงได้อย่างเต็มที่ในภาพยนตร์นี้