เผยกำหนดฉาย “Rebel Moon” เวอร์ชัน Director’s Cut ของ Netflix ในวันที่ 2 ส.ค.

modemovieมิถุนายน 15, 2024
เผยกำหนดฉาย "Rebel Moon" เวอร์ชัน Director’s Cut ของ Netflix ในวันที่ 2 ส.ค.

Netflix ได้ประกาศข่าวใหญ่บน X ว่าเตรียมฉายภาพยนตร์ ‘Rebel Moon’ เวอร์ชัน ‘The Director’s’ ทั้งสองภาคของผู้กำกับแซ็ค สไนเดอร์ (Zack Snyder) ในวันที่ 2 สิงหาคม 2024 นี้ครับ พร้อมกันนั้นก็ได้ปล่อยภาพชุดใหม่และข้อความโปรโมตที่ว่า “สัมผัสประสบการณ์ระดับมหากาพย์ที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน”

‘Rebel Moon’ ถือเป็นแฟรนไชส์ไซไฟมหากาพย์จากไอเดียของสไนเดอร์ ที่นำเอาองค์ประกอบของ ‘The Seven Samurai’ (1954) และไตรภาค ‘Star Wars’ ต้นฉบับ (1977, 1980, 1983) มารวมกันพร้อมการเล่าเรื่องของตำนานดวงดาว นำแสดงโดยทีมนักแสดงมากฝีมืออาทิ โซเฟีย โบเทลล่า (Sofia Boutella), ดจิมอน ฮาวน์ซู (Djimon Hounsou), เอ็ด สไครน์ (Ed Skrein), มีคีล เฮยส์มัน (Michiel Huisman), แบดูนา (Doona Bae), เรย์ ฟิชเชอร์ (Ray Fisher), ชาร์ลี ฮันแนม (Charlie Hunnam) และท่านเซอร์แอนโทนี ฮ็อปกินส์ (Anthony Hopkins) ที่มาร่วมให้เสียงพากย์

‘Rebel Moon Part One: A Child of Fire’ ได้เข้าฉายบน Netflix เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2023 และ ‘Rebel Moon Part Two: The Scargiver’ ก็ได้เข้าฉายเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2024 ที่ผ่านมา นับเป็นโอกาสพิเศษที่แฟนๆ ได้สัมผัสกับการนำเสนอระดับมหากาพย์จากสไนเดอร์ผ่าน Netflix ครับ

เผยกำหนดฉาย "Rebel Moon" เวอร์ชัน Director’s Cut ของ Netflix ในวันที่ 2 ส.ค.

ผู้กำกับแซ็ค สไนเดอร์ได้มอบข่าวใหม่น่าตื่นเต้นให้กับแฟนๆ เขาได้อัปเดตชื่อใหม่สำหรับเวอร์ชัน ‘The Director’s Cut’ ซึ่งจะมาพร้อมกับเส้นเรื่องและรายละเอียดใหม่ๆ ที่ผู้ชมยังไม่เคยได้ประสบมาก่อนในภาพยนตร์เวอร์ชันแรก นี่คือโอกาสที่สุดพิเศษสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสร้างสรรค์ของสไนเดอร์ ที่จะได้เห็นมุมมองใหม่และความลึกของเรื่องราวที่ถูกขยายออกไปในวิธีที่ไม่คาดคิด รายละเอียดเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างและขยายขอบเขตของจักรวาลใน ‘Rebel Moon’ ให้กว้างขึ้นอย่างแท้จริง และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมที่จะไม่เหมือนใคร

  • Rebel Moon Chapter One: Chalice of Blood
  • Rebel Moon Chapter Two: Curse of Forgiveness
เผยกำหนดฉาย "Rebel Moon" เวอร์ชัน Director’s Cut ของ Netflix ในวันที่ 2 ส.ค.

‘Rebel Moon’ เวอร์ชัน ‘The Director’s Cut’ นี้ ได้รับเรต R ในขณะที่เวอร์ชันแรกได้เรต PG-13 นั่นแสดงว่าผู้กำกับแซ็ก สไนเดอร์สามารถใส่องค์ประกอบและฉากแอ็กชันที่มีความรุนแรงสูงลงในภาพยนตร์ได้เต็มที่ ซึ่งจะเปลี่ยนโทนเรื่องจากเวอร์ชันแรกไปอย่างสิ้นเชิง

อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ สไนเดอร์จะเพิ่มความยาวของภาพยนตร์ไปถึงระดับไหน เพราะเวอร์ชันแรกอย่าง ‘Part One: A Child of Fire’ มีความยาว 2 ชั่วโมง 14 นาที และ ‘Part Two: The Scargiver’ ก็ยาวถึง 2 ชั่วโมง 2 นาทีแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาในการวางโครงสร้างพื้นฐานของจักรวาล ‘Rebel Moon’ ให้แข็งแรง แต่ด้วยการเดินเรื่องที่เนิบช้าและขาดความสมเหตุสมผลในบางส่วน ทำให้ภาพยนตร์ทั้ง 2 ภาค ถูกวิจารณ์ในแง่ลบมากพอสมควร

คะแนนบน Rotten Tomatoes ของ ‘Rebel Moon’ ทั้ง 2 ภาค

เรื่อง คะแนนจากนักวิจารณ์ คะแนนจากผู้ชม
Rebel Moon – Part One: A Child of Fire (2023) 21% 57%
Rebel Moon – Part Two: The Scargiver (2024) 15% 48%

หากแซ็ก สไนเดอร์สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวอร์ชันแรกของภาพยนตร์ทั้ง 2 ภาคได้ จะเป็นการพิสูจน์ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีศักยภาพในการเล่าเรื่องระดับมหากาพย์ ด้วยงานด้านภาพสุดอลังการที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวูด ก่อนหน้านี้เขาได้ทำให้ ‘Zack Snyder’s Justice League’ ในปี 2021 ได้คะแนนวิจารณ์บน Rotten Tomatoes สูงถึง 71% ในขณะที่ ‘Justice League’ เวอร์ชันปี 2017 ที่ถูก Warner Bros. นำไปถ่ายทำใหม่ ได้คะแนนวิจารณ์เพียง 40% เท่านั้น

Categories