ย้อนกลับไปในปี 2012 MCU กำลังอยู่ช่วงขยายจักรวาลกว้างใหญ่ไพศาลมากกว่าที่เคย หลังพวกเขาทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สร้างหนังรวมทีม Avengers ได้สำเร็จ กับหัวเรือใหญ่อย่าง Kevin Feige ผู้อำนวยการสร้างได้วางวิสัยทัศน์ได้อย่างแน่วแน่ ในภาพยนตร์อันยิ่งใหญ่ไม่ควรหยุดเพียงแค่ดาวโลก
ท่ามกลางความสำเร็จของ Iron Man 3 และ Captain America the Winter Soldier หากเป็น Studio อื่นคงยึกมั่ยกับการดันแฟรนไชส์ที่ขายได้แล้วต่อไป แต่สำหรับ Kevin Feige เขาเลือกมองไปยังหลากตัวละครแถวหลังผู้ไม่เคยถูกฉายแสงมาก่อนบนจอเงิน และหนึ่งในนั้นคือ Guardians of the Galaxy คอมมิคที่เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1969 ที่สร้างสรรค์โดย Arnold Drake และ Gene Colan
ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มนักสู้จากศตวรรษที่ 31 เดินทางข้ามเวลามาต่อสู้เคียงข้างกับเหล่าฮีโร่ในศตวรรษที่ 20 นำทีมโดย Vance Astro, Martinex T’naga, Captain Charlie-27 และ Yondu หากไม่ค่อยคุ้นชื่อใครเลยนอกจากน้าตัวฟ้ายอนดูก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะการ์เดี้ยนกลุ่มแรกไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไรจนกระทั่งการถูกรีบูทพลิกโฉมใหม่ในปี 2008 โดย Dan Abnett และ Andy Lanning ที่กลายเป็นรากฐานสำคัญในการสานต่อเป็นภาพยนตร์
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะตื่นเต้นกับชื่อของ การ์เดี้ยนออฟเดอะกาแล็กซี่ นี่คือโปรเจคที่เต็มไปด้วยคำในแง่ลบถึงขนาดที่สื่อดังหลายเจ้าต่างพูดกันว่า นี่จะเป็นหนังเรื่องแรกของ MCU ที่เจ๊งไม่เป็นท่า เพราะอะไรต่อมิอะไรในตอนนั้นไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไรทั้งการทุ่มงบประมาณมหาศาลกว่า 200 ล้านเหรียญ กับเรื่องราวของกลุ่มนักสู้พันธ์แปลกที่น้อยคนนักจะรู้จักชื่อหรือจะเป็นการเรื่องตัวอย่าง James Gunn ผู้กำกับภาพยนตร์สายโหดเน้นความแปลกจากหนังเลื้อยดุ Slither และเครดิตในการเขียนบทหนังหนังซอมบี้ Dawn of the Dead แถมยังตบท้ายโดยเหล่าทับนักแสดงที่แทบจะไม่มีใครคนไหนในตอนนั้นที่เข้าข่ายดาราแม่เหล็กคนที่เข้าข่ายว่ามีชื่อหน่อยก็โดนทาสีทับหน้ากันหมด
ทันทีที่สสตาร์ลอร์ดกดปุ่ม Play บนวอล์คแมนบนตัวโปรด หัวใจของแฟนหนังทั่วโลกกับเต้นไม่เป็นจังหวะหักทุกปากกาเสียงกว่าคำชมจากทั่วทุกสารทิศพ่วงมาด้วยรายได้ทั่วโลกกว่า 773.3 ล้านเหรียญ ส่งให้หนังรวมทีมคนห่วยติด Top 5 หนังทำเงินสูงสุดของ MCU ในปี 2014 สูงสุดตลอดกาลของค่ายในตอนนั้นความสำเร็จนี้ ซึ่งดันภาคต่อให้ปีหนัง 2017 กลายเป็นปรากฏการณ์รายได้ทั่วโลกกว่า 863.8 ล้านเหรียญ นักแสดงยกเช็ตทั้งหน้าเก่าและใหม่ต่างก็กลายเป็นขวัญใจมหาชนที่ใครเห็นก็ต้องอยากวิ่งเข้าไปก่อน
เรื่องราวของ การ์เดี้ยนออฟเดอะกาแล็กซี่ เป็นมากกว่าแค่การผจญภัยของกลุ่มคนไม่เอาไหน แต่หนังกกำลังพูดถึงครอบครัวยุคใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องยึดเหนี่ยวอยู่แค่สายเลือด ถึงคนอื่นจะมองว่าแปลกแต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมันดีแค่นี้ก็ดีต่อใจพอแล้ว
ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย แต่แล้วอนาคตของเหล่าการ์เดี้ยนกับต้องพบกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญทั้งในจอและนอกจอ ในมหาศึก Avengers Infinity War พวกเขาต้องสูญเสียสมาชิกคนสำคัญอย่าง กาโมร่า ผู้ถูกวายร้ายผู้เป็นพ่อพลีชีพของเธอเพื่อการเปลี่ยนแปลง สตาร์ลอร์ดที่เคยร่าเริงกลับเข้าสู่ความหมองมนสูญเสียคนรู้ใจไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
นอกจอ James Gunn ต้องเผชิญหน้ากับวิบากกรรม Social กับคำพูดของเขาในอดีตถูกขุดคุ้ยขึ้นมาใหม่ และสร้างความไม่พอใจกับผู้คนมากมาย จากอนาคตอันสดใสกลับมืดมนเพียงข้ามคืน Alan F. Horn ผู้บริหาร Walt Disney Studios (2012-2021) ในตอนนั้นตัดสินใจลงดาบปลด James Gunn ออกจากตำแหน่งผู้กำกับหนังภาค 3 แม้จะมี Kevin Feige คอยหนุนหลังอยู่เสมอ ฝั่งทีมนักแสดงเองก็ยืนกรานกันสุดตัวว่าหากไม่มี James Gunn จะไม่มีพวกเขาในหนังภาค 3 เพราะพวกเขามองว่า James Gunn ที่ทุกคนรักและรู้จักกันในวันนี้คือคนละคนที่เคยทวิตในวันวาน
ในวันที่ 15 มีนาคม 2019 James Gunn กลับคืนสู่ผู้กำกับอีกครั้ง แต่หนังภาคใหม่ก็ไม่มีทางขึ้นจอในเร็ววัน เพราะระหว่างที่โดนตัดหางปล่อยวัด ก็ได้จับมือร่วมกับ DC สร้างสรรผลงานอร่อยได้ไม่แพ้กันอย่าง The Suicide Squad และทีมซีรี่ย์ Peacemaher เส้นทางใหม่ที่นำพาเขาสู่ตำแหน่งผู้บริหาร Co-Chairmen and CEOs of DC Studios แม้ว่าการจะเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมไม่มีทางกลับไปแนนอนมันมีแผลใหญ่ในใจผม และผมไม่อยากกลับไปเปิดแผลนั้นอีก” แต่เมื่อกลับไปคิดอยู่พักใหญ่เขาก็แพ้ใจให้กับลูกรักที่ตัวเองสร้างมา
“ท้ายที่สุดแล้ว เหตุผลที่ผมกลับมา คือโอกาสในการจบเรื่องราวของร็อคเก็ต” ยังเหลืออีกหนึ่งเรื่องราวให้สานต่อจนจบครบไตรภาค คือเรื่องราวของเจ้าแรคคูนพูดได้อย่าง ร็อคเก็ต ตัวละครโปรดของ เจมส์ กัน ที่เขาแอบวางบทไว้เป็นตัวเอกแบบลับ ๆ มาตั้งแต่แรกเริ่ม
ตลอดหนังสองภาคที่ผ่านมาเขาแอบหว่านเมล็ดพันธุ์เรื่องราวไว้ตลอดทาง ทั้งโมเม้นที่สตาร์ลอร์ดได้เห็นรอยแผลเป็นมากมายของร็อคเก็ตพร้อมกับเพลงที่เหมือนจะอารมณ์ดีอย่างเพลง Hooked on a Feeling ที่ใส่ไว้ได้อย่างแนบเนียน เช่นเดียวกันกับบทสนทนากับ ยอนดู ในภาค 2 ที่ได้พูดว่า “นักวิทยาศาสตร์ที่สร้างเจ้าไม่เคยเห็นค่าเจ้าเลย” หลายคนอาจจะจำขึ้นใจว่าถ้าเป็นร็อคเก็ตคงต้องพูดถึงผู้ให้เสียงพากย์อย่าง Bradley Cooper แต่ในหน้ากองถ่ายนี่คือบทบาทของ Sean Gunn (Kraglin / On Set Rocket) น้องชายแท้ ๆ ของ James Gunn รับหน้าที่เป็นแสตนอินที่ถ่ายทอดบทบาทของร็อคเก็ตในชุดเขียวสว่างก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับทีมงาน Visual Effect
ใน Guardians of the Galaxy Vol.3 เราจะได้เห็นพลพักข้างกายของ Rocket ขุดคุ้ยอดีตของเขา ซึ่งเกี่ยวโยงโดยตรงกับวายร้ายในภาคนี้ The High Evolutionary ชายผู้เพ้อฝันถึงการพัฒนาสิ่งมีชีวิตสู่ขั้นกว่าจนเกิดเป็น Counter Earth ดวงดาวที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการไฮบริด รับบทโดย Chukwudi Iwuji ผู้มองว่าตัวละครนี้เปรียบดังวายร้ายสไตล์เชคสเปียร์ หัวศิลป์คิดแปลกมีวาจาเป็นอาวุธ แต่ก็ซ่อนอันตรายในแบบที่ขาดไม่ถึง
ในขณะที่คนอื่นในกองบิ้วอารมณ์ในการนั่งฟังเพลงฮิตยุค 90 ที่เจมส์ กันน์คัดสรรมาอย่างดี อีกหนึ่งตัวละครที่ได้เดบิวต์ขึ้นจอใหญ่คือ Adam Warlock ยอดนักรบผิวทองคำถูกสร้างขึ้นโดย Ayesha ชนเผ่าผู้หลงไหลในการดัดแปลงพันธุกรรม เดิมทีแล้วเขาคือหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของทีม การ์เดี้ยน แต่ในหนังเรื่องนี้เขามาในรูปแบบของศัตรูตัวฉกาจ รับบทโดย Will Polter หนุ่มหน้ามีมจาก We’re The Millers แต่ช่วงหลังมาในแนวโหดอย่าง The Maze Runner และหนังสยองขวัญอย่าง Midsommar
ทีมนักแสดงหลายคนไม่เคยกล้าฝันว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ โดยเฉพาะ Karen Gillan เป็น Nebula นักฆ่าเลือดเย็นที่ค่อย ๆ ถูกความเป็นครอบครัวละลายความเจ็บแค้นในใจ ตัวละครที่เดิมทีแล้วควรมีบทบาทเพียงน้อยนิส เธอเคยถูกเซ็นสัญญาให้เข้าถ่ายทำในหนังภาคแรกเพียง 8 วัน แต่สุดท้ายกลับสู่สานต่อบทบาทยาวนานจนเกือบทศวรรษ เพราะ เจมส์ กันต์ เชื่อว่าคนดูจะตกหลุมรักเรื่องราวของตัวละครนี้ เช่นเดียวกับ Dave Bautista เป็น Drax อดีตนักมวยปล้ำที่หลายคนเคยกังขาหาว่าเขาหวังเอาดีด้านการแสดงตามรอยของ The Rock แต่การเวลาได้พิสูจน์แล้ว ว่าเขาคนนี้คือหนึ่งในนักแสดงที่ยอดเยี่ยมสุดในนาทีนี้
บทบาทของ Drax คือหนึ่งในตัวละครเพียงไม่กี่ตัวที่จบสมบูรณ์เรียบร้อยและ Dave เองก็พร้อมจะโบกมืออำลาบทบาทการผจญภัยครั้งสุดท้าย แต่ไม่ใช่สำหรับ Pom Klementieff เป็น Mantis เจ้าของบทผู้ซื่อสาวนักอ่านใจ ที่ไม่เคยปิดโอกาสในการกลับมารับบทอีกครั้งหลังหนังภาค 3 แต่มันก็คงน่าใจหายเพราะบททุกคำที่เธอเคยเล่นล้วนมาจากวิสัยทัศน์ของ เจมส์ กันต์ ที่เห็นดีเห็นงามกับตัวละครเล็ก ๆ และมอบการผจญภัยอบอุ่นหัวใจให้เธอได้เชิดฉายในหนังภาคพิเศษ The Guardians of the Galaxy Holiday Special ถึงแม้ว่าแฟรนไชส์นี้จะติดภาพจำในแง่ความตลก
อารมณ์ดราม่าจริงจังก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้หนังเรื่องนี้ดูมีหัวใจ กับความถ้าทายครั้งสุดท้ายของเจมส์ กันต์ คือการหลอมรวมทุกองค์ประกอบที่แฟนหนังทั่วโลกหลงรัก บาลาสมุกตลกให้กลมกล่อมไม่ขัดจังหวะอารมณ์ที่จริงจัง ก่อนจะชัดคนดูด้วยฉากที่บ้าระห่ำที่สุดที่เขาเคยจินตนาการ ด้านงานสร้างก็ไม่หลงใหลไปกับ CGI อย่างเดียวแต่เป็นส่วนผสมอันลงตัวระหว่างงาน Visual effects กับงานสร้างสุดอลังการโดยเฉพาะฐานที่มั่นอย่างโนแวร์ ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์หนึ่งในนั้นคือ Cosmo น้องหมาอวกาศที่แอบโผล่ขึ้นจอตั้งแต่ภาคแรก วันนี้เราจะได้เห็นความน่ารักของน้องแบบจุใจเช่นเดียวกับ Groot ที่ตอนนี้โตเต็มตัว Swoll Groot และตัวละครใหม่ที่มีขนปุกปุยคือ Blurp ความสามารถพิเศษคืออะไรต้องไปตามลุ้นดูกันเองในหนัง