‘Inside Out 2’ ของ Pixar/Disney ยังคงครองอันดับ 1 บนบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยในสัปดาห์นี้ทำรายได้เพิ่มอีก 57.4 ล้านเหรียญ ส่งผลให้รายได้รวมในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นไปถึง 469.3 ล้านเหรียญ ด้วยความสำเร็จนี้ทำให้ ‘Inside Out 2’ กลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลลำดับที่ 5 ในอเมริกาเหนือ แซงหน้าภาพยนตร์แอนิเมชันชื่อดังหลายเรื่อง เช่น ‘Toy Story 3’ ที่ทำรายได้ 415 ล้านเหรียญ, ‘The Lion King’ ที่ทำรายได้ 423 ล้านเหรียญ, ‘Toy Story 4’ ที่ทำรายได้ 434 ล้านเหรียญ และ ‘Shrek 2’ ที่ทำรายได้ 445 ล้านเหรียญ
ในส่วนของรายได้จากต่างประเทศ ‘Inside Out 2’ ทำรายได้ไป 545.5 ล้านเหรียญ จาก 45 ประเทศ ทำให้ขึ้นเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้จากต่างประเทศสูงสุดตลอดกาลลำดับที่ 18 แซงหน้า ‘Shrek Forever After’ ที่ทำรายได้ 514 ล้านเหรียญ, ‘Madagascar 3’ ที่ทำรายได้ 531 ล้านเหรียญ และ ‘Finding Dory’ ที่ทำรายได้ 543 ล้านเหรียญ นั่นทำให้รายได้รวมทั่วโลกของ ‘Inside Out 2’ อยู่ที่ 1,014.8 ล้านเหรียญ
‘Inside Out 2’ ยังกลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้ถึงหลัก 1,000 ล้านเหรียญเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยระยะเวลาเพียง 19 วัน แซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง ‘Frozen II’ (2019) ที่เคยทำไว้ใน 25 วัน
นอกจากนี้ ‘Inside Out 2’ ยังเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องที่ 11 ที่สามารถทำรายได้ทั่วโลกถึงหลัก 1,000 ล้านเหรียญ และเป็นเรื่องที่ 8 ของ Disney ที่สามารถทำได้ถึงระดับนี้ ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันถึงคุณภาพและเนื้อหาที่ดึงดูดใจของ ‘Inside Out 2’ แต่ยังสะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์แอนิเมชันที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ชมทุกวัยทั่วโลก
แฟน ๆ ต่างเพลิดเพลินกับเรื่องราวที่ลึกซึ้งและการสร้างความรู้สึกที่แท้จริงในตัวละคร และการที่ภาพยนตร์ทำรายได้เกินคาดหมายครั้งนี้ ทำให้ ‘Inside Out 2’ เป็นหนึ่งในผลงานที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปีนี้ สร้างความตื่นเต้นและความหวังให้กับอนาคตของแอนิเมชันจาก Pixar/Disney อย่างแน่นอน
อันดับที่ 2 ตกเป็นของภาพยนตร์ไซไฟระทึกขวัญเข้าใหม่ ‘A Quiet Place: Day One’ ที่ทำรายได้สุดสัปดาห์แรกไปอย่างน่าประทับใจถึง 53 ล้านเหรียญในสหรัฐฯ และจากต่างประเทศอีก 45.5 ล้านเหรียญ จาก 59 ประเทศทั่วโลก ทำให้รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 98.5 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 67 ล้านเหรียญ ซึ่งหมายความว่ากำลังจะถึงจุดคุ้มทุนที่ประมาณ 140 ล้านเหรียญในเร็ว ๆ นี้
อันดับที่ 3 ตกเป็นของ ‘Horizon: An American Saga – Chapter 1’ ภาพยนตร์แนวตะวันตกระดับมหากาพย์ของเควิน คอสต์เนอร์ (Kevin Costner) ผู้กำกับและนักแสดงระดับตำนาน ซึ่งใช้ทุนสร้างไปมหาศาลถึง 100 ล้านเหรียญ (เป็นทุนส่วนตัวของคอสต์เนอร์เองถึง 30 ล้านเหรียญ) แต่เก็บรายได้สุดสัปดาห์แรกไปเพียง 11 ล้านเหรียญเท่านั้น
ส่วน ‘Bad Boys: Ride or Die’ แม้ว่าจะตกมาอยู่ในอันดับที่ 4 แต่ก็ทำรายได้รวมในสหรัฐฯ ไปแล้วถึง 165.3 ล้านเหรียญ และรายได้จากต่างประเทศอีก 166.7 ล้านเหรียญ จาก 66 ประเทศทั่วโลก ทำให้รายได้รวมทั่วโลกทะลุหลัก 300 ล้านเหรียญ ไปอยู่ที่ 332 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 100 ล้านเหรียญ เรียกได้ว่าผ่านจุดคุ้มทุนที่ประมาณ 200 ล้านเหรียญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว