ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ Legendary Pictures ร่วมมือกับ Warner Bros. Pictures ได้พาเราเข้าสู่โลกแห่งมอนสเตอร์เวิร์ส (MonsterVerse) กับเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ของก็อตซิลลาและคอง ที่ยิ่งใหญ่อลังการ ตลอดระยะเวลานั้น ฝั่งของก็อตซิลลานั้นเราได้เห็นภาพยนตร์ถึงสามเรื่อง และเพิ่มเติมด้วยซีรีส์หนึ่งเรื่องคือ ‘Monarch: Legacy of Monsters’ ในปี 2023 ส่วนฝั่งของคองก็ไม่น้อยหน้า มี ‘Kong: Skull Island’ ในปี 2017 และแอนิเมชันซีรีส์ ‘Skull Island’ ในปี 2023 และสุดยอดก้าวของศึก crossover ครั้งแรกใน ‘Godzilla vs. Kong’ ปี 2021 ที่นำ God และ King มาปะทะกัน สร้างรายได้ในช่วงโรคระบาดอย่างไม่น่าเชื่อ
และตอนนี้เรารอคอยศึกลิงปะทะกิ้งก่าในภาคต่อ “Godzilla x Kong: The New Empire” ที่คราวนี้ไม่ใช่การปะทะ แต่เป็นการครอสมือกันครั้งแรกของคู่หูที่เคยเป็นคู่แข่งกัน ทีมเขียนบทถูกเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงจากภาคแรก และยังมีนักแสดงจากภาคที่แล้วอย่าง รีเบ็กกา ฮอลล์, ไบรอัน ไทรี เฮนรี, และเคย์ลี ฮอตเทิล กลับมาร่วมงานในภาคนี้อีกครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่จักรวาล MonsterVerse เรียก อดัม วินการ์ด ผู้กำกับจากภาคก่อน กลับมาสานต่องาน crossover ในจักรวาลนี้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่า การกลับมาครั้งนี้จะยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม!
หลังจากที่เราได้เห็นการปะทะอันดุเดือดระหว่างคองกับก็อตซิลลาใน ‘Godzilla vs. Kong’ ครั้งล่าสุดนี้ ‘Godzilla x Kong: The New Empire’ จะพาเรากลับไปติดตามเหตุการณ์ถัดจากนั้น หลังจากที่มนุษย์จากหน่วยงาน Apex Cybernetics ผนวกกับคอง เจาะมิติเข้าไปสู่อาณาจักรลึกลับใต้พิภพ หรือที่รู้จักกันในชื่อฮอลโลว์เอิร์ธ ที่ทุกวันนี้กลายเป็นที่อาศัยของคองหลังจากศึกที่ผ่านมา ในการผจญภัยครั้งนี้ คองพบว่าตัวเองต้องการหาพรรคพวก เขาจึงออกตามหาไปทั่วดินแดน จนพบกับซูโก คิงคองน้อยที่ยังซุกซน และราชาวานรแดง ที่น่าเกรงขาม สการ์คิง ผู้นำที่ใช้แส้ยาวเป็นอาวุธและมีพลังในการควบคุมชีโม ไททันจากยุคน้ำแข็งที่มีความเชื่อมโยงกับตำนานโน้นเอง
เจีย สาวน้อยชาวอีวีส์จากเกาะกระโหลก ได้รับสัมผัสนิมิตถึงภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ดร. ไอลีน แอนดรูว์ส นักภาษาศาสตร์เชิงมานุษยวิทยาของโมนาร์ก และ เบอร์นี เฮย์ส นักจัดรายการพอดแคสต์เกี่ยวกับไททันก็ได้ตระหนักถึงสัญญาณผิดปกติเช่นกัน พวกเขาพร้อมใจกันลงไปยังฮอลโลว์เอิร์ธ พร้อมทั้งแทรปเปอร์ นักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับไททัน เพื่อสำรวจต้นกำเนิดของไททัน ความลับของฮอลโลว์เอิร์ธที่ยังซ่อนอยู่ และต้องร่วมมือกับคู่ปรับตลอดกาลระหว่างคองกับก็อตซิลลาเพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“Godzilla x Kong: The New Empire” นี้ยังคงนำเสนอเรื่องราวที่ต่อยอดจากเหตุการณ์ใน “Godzilla vs. Kong” แต่ถ้าเอาจริงๆ นะครับ หนังเรื่องนี้มันแฝงไปด้วยความเป็นหนังครอสโอเวอร์ที่สามารถแยกออกมาได้ชัดเจนเลยล่ะ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รักษาเอกลักษณ์บางส่วนของหนังไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น รวมถึง Easter Egg จากภาคเก่าที่อาจจะเห็นแล้วเห็นอีกว่าสามารถข้ามไปได้ โดยมีเพียงมอธรา ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมสู้ศึกของก็อตซิลลาเท่านั้นที่ได้กลับมาในภาคนี้
จากการปรับโทนเรื่องจากหนังไซไฟและไคจูที่เราคุ้นเคย ให้มาเป็นหนังแอ็กชันผจญภัยที่ผสมผสานระหว่างคองกับมนุษย์ ที่พาเราไปสำรวจ Hollow Earth ที่เต็มไปด้วยความลับและอารยธรรมโบราณที่ท่านไม่เคยพบเจอมาก่อน และเสนอมุมแฟนตาซีที่หนาแน่นที่สุดในจักรวาลของ MonsterVerse เลยทีเดียว คือการขยายวิสัยทัศน์ของจักรวาลนี้ไปในทิศทางที่น่าสนใจมากๆ และก็ไม่แปลกเลยถ้าหนังหรือซีรีส์ในอนาคตของ MonsterVerse จะเลือกที่จะสำรวจโลกลึกลับนี้เพิ่มเติม ทำให้เรื่องราวของไททันเต็มไปด้วยความเป็นแฟนตาซีมากขึ้น โดยไม่ต้องจำกัดเฉพาะในกรอบของหนังไซไฟทำลายเมืองแบบเก่าๆ นี่คือการขยายขอบเขตของจักรวาลในรูปแบบใหม่ที่น่าติดตามมากๆ
จริงๆ ถ้ามีคนถามว่าหนังใน MonsterVerse ได้แก้ปัญหาเรื่องราวสับสนและเทอะทะของมนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ดูเหมือนจะตามหลอกหลอนหนังเรื่องนี้มานานแล้วหรือยัง ผมคงต้องบอกว่ายังไม่ถึงกับว่าได้จัดการมันอย่างสิ้นเชิงเลยล่ะครับ ถึงแม้ว่าในอนาคตภาคต่อไปจะตัดสินใจไม่เล่าเรื่องราวของมนุษย์แล้วหันไปทำเป็นหนัง CGI ที่พูดถึงไททัน 100% ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในจุดที่ Godzilla x Kong: The New Empire ทำได้ดีและน่าชมเชยก็คือการที่หนังเลือกที่จะลดบทบาทของตัวละครมนุษย์ลง ทำให้พวกเขามีสถานะเป็นเพียงตัวส่งที่นำผู้ชมเข้าสู่เหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นใน Hollow Earth ได้อย่างลงตัว หนังจึงสามารถลดความซับซ้อนในเส้นเรื่องราว ลดดราม่า และลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ได้ พร้อมทั้งเพิ่มพาร์ตของไททันให้มีบทบาทและเนื้อหาที่ชัดเจนมากขึ้น นี่คือการกระทำที่แสดงถึงการตระหนักรู้ถึงความต้องการของแฟนๆ และเป็นการเรียกน้ำย่อยให้แฟนๆ ได้ติดตามเรื่องราวต่อไปในจักรวาล MonsterVerse อย่างมีความหวังและความตื่นเต้น
ในภาคล่าสุดของ MonsterVerse อย่าง “Godzilla x Kong: The New Empire” นั้น เราเห็นว่าทิศทางการเล่าเรื่องยังคงซื่อต่อสูตรเดิมที่ได้รับความนิยมจากภาคก่อนๆ ค่อนข้างชัดเจนเลยครับ ที่หนึ่งในนั้นก็คือการทำให้คองเป็นตัวละครหลักที่ขับเคลื่อนเรื่องราว ด้วยการขยายพาร์ตของคองให้มากขึ้นและเน้นเสน่ห์ของเขาอย่างชัดเจน ทำให้คองมีความสามารถพิเศษ เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก มีชีวิตจิตใจที่เข้าใจได้ง่าย แต่ทั้งนี้ก็ยังคงความดุร้ายและความโหดเหี้ยมแบบที่เป็นธรรมชาติของสัตว์ป่า ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน จึงทำให้เขามีความน่าดึงดูดไม่ต่างจากพระเอกในหนังบู๊ยุคเก่าที่ทั้งแกร่งและมีหัวใจ
ทางฝั่งของก็อตซิลลานั้นก็ไม่ต่างกัน ที่ได้รับการนำเสนอให้เป็นตัวละครที่มีพลังไม่จำกัดและมีความดุเดือดในแบบฉบับของอสุรกาย มีบุคลิกที่คาดเดาไม่ได้ พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการลุยเต็มที่ไม่ว่าจะเพื่อโหดหรือเพื่อช่วยโลก และภาพของก็อตซิลลาที่นอนขดตัวในโคลอสเซียมเหมือนแมวอ้วนๆ ให้ภาพที่มีความอบอุ่นและเปลี่ยนมุมมองในตัวละครได้
เราได้เห็นตัวละครใหม่ๆ ที่ถูกสร้างมาพร้อมกับมิติที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ อย่าง สการ์คิง ตัวละครที่ผู้กำกับบอกว่าจะมีคาแรคเตอร์เป็นวายร้ายจอมเผด็จการ อาจจะยังไม่เห็นความโหดเกินรูปของเขามากนัก ก็ทำให้เรายังคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะโหดหินกว่าวายร้ายในภาคก่อนๆ หรือไม่ แต่จากภาพรวมที่เห็น สการ์คิงก็ยังต่อกรกับคองได้อย่างไม่เป็นรอง ขณะเดียวกัน เจ้าซูโก หรือมินิคอง ซึ่งแม้จะดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่ก็สามารถเป็นตัวขโมยซีนและเปลี่ยนเกมได้อย่างไม่คาดคิดเลยทีเดียว
เมื่อพูดถึงบทของเรื่อง ทั้งส่วนของมนุษย์และไททัน มันค่อนข้างจะเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ไม่มีความซับซ้อนหรืออะไรที่ท้าทายการคาดเดามากนัก บางช่วงดูเหมือนจะเยิ้มเย้อจนไม่ถึงกับสะใจ แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนที่จำเป็นในการปูเรื่องและนำเข้าสู่สถานการณ์หลักของเรื่อง จะมีบางช่วงที่มีการใส่ปมดราม่าเกี่ยวกับครอบครัวและความแปลกแยกของตัวละคร เพื่อเพิ่มความลึกของเรื่องราวและฝังมุกฮาเล็กๆ ให้ความบันเทิง แต่ก็อาจถูกมองว่าค่อนข้างเบาบางจนหลุดจากสมาธิหลักไป ด้านการแสดงของนักแสดงฝั่งมนุษย์ ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ถึงแม้จะยังไม่มีตัวละครไหนที่โดดเด่นจับใจเป็นพิเศษ
ในตัวหนังก็ส่งไททันทั้งหลายมาดาวเด่นกันเต็มที่เลยครับ ทำให้ส่วนที่เกี่ยวกับมนุษย์ดูเห็นเป็นรองไปเลย ซึ่งเนื้อหาโดยรวมก็ไม่ได้ซับซ้อนมากมายอะไร แต่ถือเป็นการบริการแฟนๆ ไททันเสียจริง ให้เห็นการโค่นกันแบบเต็มๆ ไม่มีกั๊ก เฉพาะในเหตุการณ์หลักๆ อย่างองก์ที่สองและองก์สุดท้ายนี่ ดูเหมือนโดนดึงไปอยู่ริมเวทีมวยปล้ำเลย หรือเหมือนกับเป็นหนังแอ็กชันแนวตำรวจคู่หูที่มีลีลาการสู้กันเหมือนเป็นละครสัตว์ในแบบฉบับของตัวเอง ทั้งคู่นำพลังมาประชันกันจนต้องมีซัดกันมันส์ๆ สักตารางก่อนจะประสานมือกันต่อสู้กับศัตรูที่ใหญ่ยิ่งกว่า
และพอตอนจบ ครับ โชว์การต่อสู้ถูกพาไปในระดับของมวยปล้ำเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการสู้แบบตัวต่อตัว หรือการสลับคู่สู้กัน ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับไปเป็นพาร์ทเนอร์แน่นเหนียว มีจุดเปลี่ยนจากศูนย์สู่ฮีโร่ที่ทำให้คุณลุ้นระทึกตามเหมือนได้ดูการแข่งขันมวยปล้ำสดๆ ตั้งแต่ความสามารถที่ถ่ายทอดผ่าน CGI ที่อาจจะยังมีบางจุดที่ดูไม่ลงตัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาทำได้ดีมากพอที่เราจะเห็นความลึกของอารมณ์และสีหน้าของไททันได้ชัดเจนกว่าที่เคย โดยเฉพาะการได้เห็นไททันต่อสู้กันในแสงสว่างกลางวันซึ่งคมชัดและสว่างจนตาฉาบ ต่างจากการต่อสู้ในช่วงเวลาที่มืด ซึ่งค่อนข้างช่วยประหยัดงบประมาณสำหรับ CGI และถ้าได้ดูในระบบ IMAX 3D ถือเป็นประสบการณ์ที่เหนือชั้นจริงๆ เพราะมันให้ความรู้สึกที่คมชัดและสมจริงมากกว่าระบบฉายอื่นๆ
ถ้าคุณตัวเองนั้นเป็นคอหนังไคจู ถูกใจกับการได้เห็นชีวิตประจำวันของไททัน แต่รู้สึกว่าเส้นเรื่องของมนุษย์ในหนังบางทีก็ทำให้หงุดหงิดไปหน่อย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอเรื่องราวของสงคราม ความขัดแย้ง หรือตัวละครมนุษย์ที่ดูเหมือนจะส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายและดราม่าที่ไม่จำเป็น นี่แหละครับ หนัง MonsterVerse ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นการบริการแฟนๆ ไคจูอย่างแท้จริง
เรื่องราวภาพยนตร์อาจจะดูธรรมดา แต่ต้องยอมรับว่ามันคือผลงานแอ็กชัน-แฟนตาซีผจญภัยที่ทำให้เราได้สัมผัสกับ Hollow Earth ที่มีความหลากหลายและน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ยังมีการขยายจักรวาลในรูปแบบอันยิ่งใหญ่ และถึงแม้จะโอเวอร์ไปบ้างในบางแง่ แต่การต่อสู้ยิ่งใหญ่ในวินาทีสุดท้ายของหนังก็ชดเชยทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เหมือนกับว่าเราได้นั่งข้างสนามมวยปล้ำแท็กทีม เต็มไปด้วยความเร้าใจและความสนุกสนานมากๆ มันคือหนังที่ทำให้คุณคว้าป๊อปคอร์นมาเคี้ยว ดูดน้ำอัดลมแล้วลืมวันเวลาไปเลยทีเดียว ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับความมันส์ของการต่อสู้โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่นั่งดูและสนุกไปกับมันเลยครับ