ในงาน D23 ปีนี้ นอกจากไฮไลต์บนเวทีใหญ่ที่มีการประกาศหนังใหม่และโปรเจกต์แห่งอนาคตแล้ว ยังมีเวทีเสวนาพิเศษจากผู้บริหารระดับสูงของดิสนีย์ ที่มาพูดคุยกับสื่อมวลชนกว่า 105 ชีวิตจากทั่วโลก เพื่อแบ่งปันวิสัยทัศน์และพูดถึงอนาคตของฝั่งเอนเทอร์เทนเมนต์ของดิสนีย์ ซึ่งทีมงาน BT BUZZ ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังเสวนานี้แบบใกล้ชิด
ผู้บริหารที่มาร่วมงานครั้งนี้แต่ละคนล้วนเป็นตัวจริงของวงการหนัง นำทีมโดย อลัน เบิร์กแมน ประธานบริหารร่วมของดิสนีย์ ซึ่งดูแลภาพรวมของสตูดิโอทั้ง 7 แห่งของ Disney Entertainment, พีต ด็อกเตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ของ Pixar, เจนนิเฟอร์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ของ Walt Disney Animation Studios, เควิน ไฟกี ประธาน Marvel Studios และ แคทลีน เคนเนดี ประธานของ Lucasfilm น่าเสียดายที่งานนี้ เดวิด กรีนบัม ประธานของ Disney Live Action และ 20th Century Studios ไม่สามารถมาร่วมได้เนื่องจากติดภารกิจสำคัญ
การเสวนาเริ่มต้นด้วยคำถามสำคัญว่า ดิสนีย์ที่ตอนนี้มีถึง 7 สตูดิโอ และแฟรนไชส์มากมาย มีวิธีวางแผนและจัดการความถี่ของเนื้อหาที่จะปล่อยสู่สาธารณะอย่างไร?
เบิร์กแมนตอบแบบสบาย ๆ ว่า “ผมทำงานกับดิสนีย์มาเกือบ 30 ปีแล้วนะ ช่วงหนึ่งเราเน้นไปที่งานแอนิเมชันกับไลฟ์แอ็กชัน แต่สิ่งที่ทำให้เราเติบโตมากขึ้นก็เพราะการเข้าซื้อกิจการของบ็อบ ไอเกอร์ ทั้ง Pixar, Marvel, Lucasfilm และ Fox เลยทำให้ตอนนี้เรามีถึง 7 สตูดิโอที่ยอดเยี่ยม
ส่วนเรื่องการวางแผน เราเน้นทั้งผลงานออริจินัล ภาคต่อ และสปินออฟ ฝั่ง Pixar กับ Disney Animation แต่ละสตูดิโอก็มีหนังอย่างน้อยเรื่องนึงต่อปี ฝั่ง Marvel ก็เตรียมไว้ 3 หนังใหญ่กับซีรีส์ไลฟ์แอ็กชันอีก 2 เรื่อง ด้าน Lucasfilm ก็มีหนัง 1-2 เรื่องต่อปี พร้อมซีรีส์ไลฟ์แอ็กชัน 2-3 เรื่อง ฝั่ง Disney Live Action กับ 20th Century ก็จะมีประมาณ 3-4 เรื่องต่อปี และยังมี Searchlight ที่เน้นหนังทุนต่ำอีก 5 เรื่อง
เรามีจุดแข็งอย่างมากจากแบรนด์ที่เราดูแล แต่สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะบอกคือ ความแข็งแกร่งของแบรนด์เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีพวกเขา ไม่มีทางที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ เพราะต่อให้แบรนด์จะดีแค่ไหน ถ้าเราไม่รักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ มันก็อาจจะเสื่อมถอยลงไป พวกเขาคือคนที่ทำให้ทุกอย่างเดินหน้า และผมภูมิใจในทีมนี้จริง ๆ
สำหรับการวางแผนงาน เราจะเตรียมผลงานล่วงหน้าไว้ 2-4 ปี และวางจุดปล่อยแต่ละเรื่องอย่างรอบคอบ ตัวอย่างเช่น เดือนพฤษภาคมมักจะเป็นหนังของ Marvel แล้วปลายฤดูร้อนก็จะมีหนัง Marvel อีกเรื่อง เดือนมิถุนายนก็เป็นช่วงของ Pixar ส่วนพฤศจิกายนจะเป็นเวลาของ Disney Animation พร้อมกับผลงานอื่น ๆ ที่เราเตรียมไว้
กลยุทธ์สู่ความสำเร็จของดิสนีย์คืออะไร? แล้วตอนที่พวกคุณอ่านบทครั้งแรก รู้ไหมว่าเรื่องไหนจะฮิต?
เบิร์กแมน: จริง ๆ แล้ว เราตั้งใจทำให้ทุกเรื่องที่ออกมาประสบความสำเร็จ เห็นได้ชัดว่าเราพยายามรวบรวมทั้งบทดี ๆ ผู้กำกับฝีมือเยี่ยม และนักแสดงที่ใช่ แต่พูดตรง ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งผมรู้เลยว่ามีของดีอยู่ในมือ แต่บางครั้งก็ต้องปรับแก้อะไรกันไปบ้าง พวกเราพยายามทำให้ถึงจุดนั้น และทีมนี้ก็ไม่เคยยอมแพ้ ทำงานหนักกันจนถึงที่สุด แต่ถ้าจะให้พูดตรง ๆ บางครั้งต่อให้เราทำดีที่สุดแล้ว มันก็ยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งมันก็เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจนี้ สิ่งที่ผมอยากบอกคือ ถ้าดูจากอัตราความสำเร็จของทีมนี้แล้ว ไม่มีทีมไหนที่แข็งแกร่งเท่านี้อีกแล้ว ผมภูมิใจในผลงานของทีมนี้มากจริง ๆ
‘Inside Out 2’ กลายเป็นหนึ่งในหนังแอนิเมชันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และติดอันดับ 10 หนังที่ทำเงินสูงสุดไปเรียบร้อยแล้ว พีต ด็อกเตอร์ ซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ถูกถามว่าเขามีวิธีทำหนังให้เข้าถึงอารมณ์ของผู้ชมได้อย่างไร
ด็อกเตอร์: ทั้งหมดมันเริ่มจากการหาข้อมูล เราพยายามค้นคว้าเชิงวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบท ผมว่าความสำเร็จของภาคนี้เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ง่าย คุณไม่มีทางรู้ล่วงหน้าหรอกว่าหนังจะฮิตแค่ไหน แต่ผมคิดว่าผู้ชมชื่นชอบภาคแรก และในภาคนี้เราก็เจาะลึกเรื่องความวิตกกังวล เราพยายามอธิบายและทำให้คนเข้าใจมันในแบบที่สนุก ๆ และหนังเองก็เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนดูพูดถึงมันได้ง่ายขึ้น เสียงหัวเราะจากตัวละครและนักแสดงก็ช่วยเติมเต็มอีกส่วนสำคัญที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จ
เควิน ไฟกีถูกถามถึงความสำเร็จล่าสุดของ ‘Deadpool & Wolverine’ ซึ่งแตกต่างจาก ‘Inside Out 2’ อย่างสิ้นเชิง แต่กลับเป็นหนังที่ทำรายได้ถล่มทลายทั่วโลก ไฟกีเลยเล่าถึงเบื้องหลังของโปรเจกต์นี้ รวมถึงแอบแย้มถึงอนาคตของ MCU ว่า
“อลันก็พูดไปแล้วเรื่องการเข้าซื้อกิจการที่บ๊อบ ไอเกอร์ทำไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการซื้อ Fox ทำให้เรามีตัวละครมาร์เวลอยู่ในมือเป็นร้อย ๆ ตัว และเดดพูลกับวูล์ฟเวอรีนเป็นแค่สองตัวแรกที่เราอยากเริ่มด้วย ไรอัน เรย์โนลส์ ก็ตื่นเต้นมากที่จะกลับมาเป็นเดดพูลอีกครั้ง ส่วนเราก็ตื่นเต้นเหมือนกันที่จะได้เห็นการผสมผสานสไตล์ของเขากับจักรวาล MCU ที่กว้างใหญ่ มันกำลังไปได้ดี และนั่นก็สุดยอดมาก ๆ ที่สำคัญมันเป็นการบอกใบ้ถึงตัวละครอีกมากมายที่รออยู่ในมือของเรา ขอบคุณ Fox จริง ๆ ที่ทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้”
เจนนิเฟอร์ ลีพูดถึงอนาคตของ Disney Animation ว่า สตูดิโอไม่ได้เน้นทำหนังภาคต่อมาก่อน แต่ตอนนี้เธอกับทีมก็กำลังเดินหน้าหลายโปรเจกต์ โดยเฉพาะภาคต่อของหนังที่ทุกคนรอคอยอย่าง ‘Moana 2’ และ ‘Zootopia 2’
“ฉันคิดว่ามันน่าตื่นเต้นมากสำหรับเรา เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา Disney Animation ไม่ค่อยมีภาคต่อออกมาเท่าไหร่ แต่เรามองเห็นโอกาสจากหนังอย่าง ‘Frozen’ และรู้เลยว่าเรายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังไม่ได้เล่า ทีมผู้สร้างของเราทุกคนต่างมีความมุ่งมั่นและความคิดสร้างสรรค์ พวกเขามอบไอเดียดี ๆ ให้กับเรา และช่วยปลูกฝังเรื่องราวเหล่านั้นให้เติบโต อย่าง ‘Frozen’ ก็ดีมาก มาร์ก สมิธเคยเสนอไอเดียทำภาค 3 และ 4 มาให้ ซึ่งเขาก็มีบทบาทสำคัญในการทำให้เรื่องราวเหล่านี้เป็นจริง”
ฝั่ง Lucasfilm เพิ่งประกาศโปรเจกต์หนังใหญ่ ‘The Mandalorian and Grogu’ ที่งาน D23 งานนี้ แคทลีน เคนเนดี ผู้ดูแลภาพรวมของสตูดิโอ ได้เล่าถึงการต่อยอดจากซีรีส์สู่หนังจอเงินว่า
“โปรเจกต์นี้น่าสนใจมาก ๆ ย้อนกลับไปตอนที่เราเปิดตัว Disney+ ‘The Mandalorian’ เป็นซีรีส์เรื่องแรกที่เราทำ ตอนนั้นเหมือนเราเดินเข้าสู่ดินแดนที่ไม่รู้จัก แต่ต้องขอบคุณแฟน ๆ ทั่วโลกที่ทำให้ซีรีส์นี้โด่งดัง โดยเฉพาะ Baby Yoda ที่สร้างกระแสไปทั่วโลก จากความสำเร็จนี้ เราเริ่มมองกลับมาที่แฟรนไชส์สตาร์ วอร์ส แล้วพูดว่า ‘โอเค เรากำลังก้าวสู่ทิศทางใหม่ของการเล่าเรื่องในจักรวาลสตาร์ วอร์ส’ หลังจากปิดฉาก 9 ภาคของจอร์จ ลูคัส เราจึงเริ่มคุยกันว่าแฟรนไชส์นี้ควรไปต่อทางไหน ซึ่ง ‘The Mandalorian’ เป็นต้นแบบที่ดีมาก เราวางแผนไว้มาตั้งแต่แรกว่าจะทำซีรีส์ 2-4 ซีซัน แล้วค่อยนำเรื่องราวไปสู่จอเงินต่อไป”
เรากำลังทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับ ‘Rogue One’ คือการเปลี่ยนจากหนังไปสู่ซีรีส์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก นี่ทำให้เห็นว่าเราสามารถย้ายเนื้อหาไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่นจริง ๆ”
พอพูดถึงเรื่องนี้ เควิน ไฟกีก็ถูกถามถึงความสำเร็จของ MCU ที่ทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกไปกว่า 30,000 ล้านเหรียญ หลายเรื่องติดอันดับหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาล แล้วพวกเขารู้ได้อย่างไรว่าจะเริ่มเล่าเรื่องจากตัวละครไหน
ไฟกีตอบว่า: “หลายครั้งมันเริ่มจากการที่เราต้องถามก่อนว่าเรามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยมากในช่วงหลายปีก่อน แต่ตอนนี้ตัวละครทุกคนกลับมาสู่บ้านของ Marvel แล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมว่ามันน่าทึ่งและไม่เหมือนใครเกี่ยวกับ Marvel ก็คือ หนึ่งในผลงานที่ประสบความสำเร็จสูงสุดบน Disney+ เป็นรายการสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนเรื่อง ‘Spider-Man and His Amazing Friends’ ขณะที่หนังอันดับหนึ่งของโลกตอนนี้คือ ‘Deadpool & Wolverine’ ที่แม้จะเรต R มาก แต่ Marvel ก็จัดการได้ ผู้คนเข้าใจว่าตัวละครเหล่านี้อยู่ในช่วงไหนของชีวิตของ Marvel ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนไปจนถึงผู้ใหญ่ ซึ่งเปิดโอกาสให้เราสามารถเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้หลากหลายมากขึ้น และมันเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เลยครับ
จากกระแสของ ‘Deadpool & Wolverine’ ผู้ชมก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะจะได้เห็นตัวละครมิวแทนต์และ ‘Fantastic Four’ กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นตัวละครที่เราไม่ได้มีโอกาสเห็นเลยในช่วง 24 ปีที่ผมทำงานกับ Marvel และ 15 ปีที่ผมอยู่กับ Disney ตอนนี้เราได้เวลาที่จะเล่าเรื่องราวเหล่านั้นแล้ว
ย้อนกลับไปช่วงที่เราเริ่มเล่าเรื่อง ‘Iron Man’ ในปี 2008 มันก็เหมือนกับการเปิดประตูสู่สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งตอนนี้เราก็ได้เปิดประตูสู่ตัวละครที่เราไม่เคยได้เล่ามาก่อนอีกครั้ง รวมถึง Marvel Comics ที่เพิ่งจะฉลองครบรอบ 85 ปี ก็ทำให้เรามีเรื่องราวเยอะมากจนเล่าไม่หมด แต่ทุกครั้งที่เราประกาศสร้างหนัง อย่างตอนที่เราบอกว่าจะมี ‘Deadpool & Wolverine’ แฟน ๆ ก็จะถามทันทีว่า “แล้วตัวละครนี้ล่ะ? ตัวละครนั้นจะมาเมื่อไหร่?” มันเลยมีเรื่องราวอีกเพียบที่เรายังต้องเล่า ซึ่งถ้าถามผมว่าตื่นเต้นกับโปรเจกต์ไหนที่สุด ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็น ‘X-Men’ กลับมามากที่สุดเลย
ผมรู้ว่าความคาดหวังอาจจะดูเกินไปบ้าง แต่เราทุกคนก็โชคดีมากที่สามารถทำสิ่งที่เกินความคาดหมายได้ทุกปี แม้ว่าบางปีเราอาจต้องเผชิญกับความผิดหวัง ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นเรื่องดีหรอกนะ แต่เราต้องหาสิ่งดี ๆ จากความล้มเหลวนั้น และยอมรับความสำเร็จที่เรามีในตอนนี้ เราต้องไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย แล้วก็ต้องเข้าใจว่าเราเป็นใคร
ผมขอยกเครดิตให้อีกคนหนึ่งเลยก็คือ อลัน นี่แหละ เพราะตอนนี้เรากำลังเฉลิมฉลองสองผลงานของ Disney อย่าง ‘Inside Out 2’ และ ‘Deadpool & Wolverine’ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ และมันก็เตือนให้เรารู้ว่า ความสำเร็จแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ เลย เราควรที่จะเฉลิมฉลองให้กับมันจริง ๆ เพราะความล้มเหลวก็เป็นโอกาสให้เราได้สร้างตัวเองขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เคนเนดี: ฉันรู้ว่าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ทำหนังมานานแล้ว รวมถึงตัวฉันเองด้วย สิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับการทำหนังคือ ความสำเร็จมันมักจะมาในแบบที่เราคาดไม่ถึง มันมักจะทำให้เราประหลาดใจเสมอ ดังนั้นถ้าถามว่า ‘ทำยังไงถึงจะปัง’ ฉันขอเถียงเลยว่าไม่มีสูตรตายตัว สิ่งเดียวที่เราทำได้คือการทุ่มเททุกอย่างลงไปในงาน พยายามเสี่ยง และก้าวออกจาก Comfort Zone ของเรา แล้วก็หวังว่าสิ่งที่เราทำจะเชื่อมโยงกับผู้ชมได้ ถ้าทำได้ มันจะเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ถ้ามันไม่สำเร็จ ก็อาจจะเป็นความผิดหวัง แต่นั่นแหละคือบทพิสูจน์ที่ทำให้ทุกคนที่นี่ต้องลุกขึ้นสู้ใหม่อีกครั้ง และเดินหน้าต่อไป เพราะนั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อมัน
ถ้ามองไปที่ผลงานของสตูดิโออื่น ๆ ผลงานไหนที่พวกคุณสนใจกันอยู่บ้าง?
เบิร์กแมน: สำหรับผม ถ้าคิดถึงช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ผมคิดถึง ‘Alien: Romulus’ ซึ่งเป็นหนังเรื่องต่อไปของเรา จากนั้นก็มี ‘Moana 2’ และ ‘Mufasa’ ที่กำลังจะมาเช่นกัน
เคนเนดี: สิ่งที่ฉันคิดว่าน่าสนใจมากก็คือ พวกเราทุกคนต่างจับตามองว่าใครกำลังทำอะไร และมันช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้มากเลยนะ นี่แหละคือข้อดีของการอยู่ในกลุ่มนี้ เพราะเราจะได้เห็นว่า เควิน กำลังทำอะไรอยู่ ฉันยังจำได้เลยว่าครั้งหนึ่งที่ได้คุยกับ ไทกา ไวทีที เกี่ยวกับแรงบันดาลใจที่เขาได้รับจาก ‘Moana’ ซึ่งมันนำไปสู่ไอเดียการทำหนัง สตาร์ วอร์ส ด้วยซ้ำ
ด็อกเตอร์: จริง ๆ แล้ว พวกเรามีประชุมด้วยกันทุกวันจันทร์ เพื่อพูดคุยว่าใครกำลังทำอะไรอยู่บ้าง คุยแบบกันเองเลยเกี่ยวกับปัญหาหรือความท้าทายที่เรากำลังเจอ ซึ่งเราก็ได้รับแรงบันดาลใจดี ๆ จากเพื่อนร่วมงานตรงนี้เยอะมาก
เบิร์ก: ใช่เลย ทุกเช้าวันจันทร์ตอน 10 โมง เราจะมารวมตัวกัน เพื่อคุยเรื่องรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ ผลงานของหนังเป็นยังไงบ้าง แล้วก็ปัญหาที่เจอ การได้มานั่งร่วมโต๊ะกับกลุ่มคนที่เก่งมาก ๆ ในสิ่งที่พวกเขาทำ ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
ลี: ฉันอาจไม่ใช่คนที่อายุน้อยที่สุดในวงการ แต่เป็นหนึ่งในคนใหม่สุด ๆ ที่เพิ่งเข้ามา ฉันเข้ามาทำงานที่ดิสนีย์เมื่อประมาณ 13 ปีครึ่งที่แล้ว สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกทึ่งก็คือ ทุกคนที่นี่เปิดใจและพร้อมช่วยเหลือกันเสมอ ฉันสามารถถามคำถามได้ทุกคน และพวกเขาก็สนับสนุนให้ฉันเติบโตในฐานะผู้สร้างหนัง มันเป็นเรื่องของการช่วยเหลือกัน และทุกคนต่างรักในสิ่งที่พวกเราทำอย่างเต็มที่ วันไหนที่เหนื่อยมาก พอได้มองไปรอบ ๆ แล้วรู้ว่าทุกคนเข้าใจเรา มันรู้สึกดีมากจริง ๆ ฉันพูดได้เลยว่านี่คือกลุ่มคนที่น่าทึ่งสุด ๆ
เคนเนดี: เวลาทำงานกับ จอน ฟาฟโรว์ นี่มันสนุกดีนะ เควินน่าจะรู้ดี เพราะจอนชอบทำอาหาร ทุกครั้งที่เราคุยเรื่องงานสร้างสรรค์กับเขา เขาจะพูดถึงการทำอาหารตลอด เขาชอบเปรียบเทียบว่าเราทุกคนเหมือนเชฟที่ทำอาหารหลาย ๆ แบบ แม้ว่าคุณจะไม่ใช่คนที่ทำอาหารเก่ง แต่คุณก็จะเข้าใจว่ามันมีหลายวิธีที่จะทำให้อาหารออกมาอร่อย และรสชาติก็แตกต่างกันไปตามส่วนผสมที่คุณใช้ จอนเปรียบเทียบได้ดีมาก เพราะการสร้างสรรค์ก็เหมือนกับการทำอาหาร เรากำลังมองหาส่วนผสมใหม่ ๆ และชิมดูว่าสิ่งไหนเข้ากันได้ดี เมื่อคุณเจอรสชาติที่ใช่ คุณก็จะรู้ว่าคุณทำมันสำเร็จแล้ว
ดิสนีย์ประกาศโปรเจกต์หนังและซีรีส์ใหม่ ๆ มากมายในงาน D23 ครั้งนี้ ซึ่งเราต้องจับตามอง “ก้าวต่อไป” ของดิสนีย์ให้ดี เพราะต้องยอมรับว่าพวกเขากำลังเผชิญกับความท้าทายใหญ่ และจำเป็นต้องเรียกความศรัทธาของแฟน ๆ กลับมาให้ทันเวลา หลังจากกระแสความนิยมในผลงานของพวกเขาลดลงกว่ามาตรฐานในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา